ตาบวม-น้ำลายเหนียว-หายใจลำบาก อย่านอนใจ
ลมพิษเป็นโรคที่พบได้บ่อยมากสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นที่ผิวหนังตำแหน่งใดก็ได้ในร่างกาย บางครั้งลมพิษที่เกิดขึ้นจะทำให้หนังตาบวม รีมฝีปากบวม หากลมพิษที่เกิดขึ้นที่ทางเดินหายใจก็จะทำให้หายใจลำบากและมีอันตรายถึง ชีวิต ลมพิษจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ดังนี้
- ลมพิษชนิดเฉียบพลัน จะเป็นๆ หายๆ น้อยกว่า 6 สัปดาห์
- ลมพิษชนิดเรื้อรัง จะเป็นๆ หายๆ นานกว่า 6 สัปดาห์
ผู้ที่เป็นลมพิษชนิดเรื้อรังมักจะมีลมพิษตามตำแหน่งที่เก่าหรือกดทับเป็น เวลานานด้วย เช่น รอยรัดของเสื้อชั้นในหรือกางเกง เป็นต้น
การแพทย์จีนจัดลมพิษให้อยู่ในกลุ่มโรคที่เกิดจากพิษลมร่วมกับพิษร้อน - ชื้นที่สะสมในร่างกาย ซึ่งพิษทั้งสองประเภทมีลักษณะเฉพาะ ดังนี้
- พิษลม มีลักษณะเคลื่อนไหวกระจายเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ลมพิษจึงมีลักษณะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน มีขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกันและเดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย พร้อมทั้งสามารถขึ้นที่ตำแหน่งใดของร่ายกายก็ได้
- พิษร้อน มีลักษณะแผดเผาและอบอ้าวซึ่งจะทำลายสารเหลวและพลังชี่ ในร่างกาย ทำให้ภูมิต้านทานต่ำลง โรคต่างๆ จึงแทรกเข้าไปในร่างกายได้ง่ายขึ้น
- พิษชื้น มักเกิดร่วมกับลมพิษ ซึ่งก็เช่นเดียวกับอากาศที่ร้อนจัดมักจะทำให้มีฝนและเกิดความชื้น พิษร้อน - ชื้นที่สะสมในร่างกาย จะเอื้อต่อการแพร่พันธุ์ของเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดอาการอักเสบได้ง่ายกว่าและบ่อยกว่า
พิษลมและพิษร้อน - ชื้น สามารถทำให้เกิดได้หลายๆ อย่าง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับพิษนี้จะแทรกเข้าไปในส่วนใดของร่างกาย เมื่อพิษลมและพิษร้อน - ชื้น มีการแทรกเข้าไปใต้ผิวหนังก็จะปะทุออกมาทางผิวหนัง ทำให้เกิดลมพิษชนิดเฉียบพลันได้ เมื่อพิษนี้มีการสะสมไว้ใต้ผิวหนังเป็นเวลานาน เนื่องจากร่างกายไม่สามารถขจัดออกไปให้หมดสิ้น ลมพิษก็จะเป็นๆ หายๆ เรื้อรังเป็นเวลานาน
การแพทย์จีนจึงนิยมใช้วิธีการขจัดพิษลมและพิษร้อน - ชื้นให้ออกจากร่างกายเพื่อบำบัดต้นเหตุของลมพิษ โดยเฉพาะลมพิษชนิดเรื้อรังแทนการใช้ยาแก้แพ้หรือยาแดนติฮีสตามีน ลมพิษชนิดเรื้อรังและอาการต่างๆ ที่พบบ่อยในผู้ป่วยลมพิษ เช่น ปากขม ปากแห้ง น้ำลายเหนียว อาการระคายคอ แน่นหน้าอกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง เป็นสิวบ่อย ท้องผูกหรือน้ำปัสสาวะมีสีเข้ม เป็นต้น ก็จะค่อยๆ ทุเลาลงหรืออาจหายไปในที่สุด
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
http://www.thaihealth.or.th/node/8277
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น